Skip to main content

3.4​ โลกุตตร​วิบาก​

โลกุตตร​วิบาก​
วิบากแห่งมรรคจิตดวงที่ ๑
1. อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน
เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน
2. อันเป็นวิบาก
เพราะกุศลฌานเป็นโลกุตตระ​ อันได้ทำไว้แล้ว
ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
อธิบาย​ :  ข้อความข้างบนนี้
                ข้อ1.จะใช้แทนด้วยอักษร​ A 
                ข้อ2.จะใช้แทนด้วยอักษร​ B
มหานัย ๒๐​ :
[๔๒๒-๔๒๖] 👉 สุทธิกปฏิปทา
​ ​[๔๒๗-๔๓๐] 👉สุทธิกสุญญตะ
[๔๓๑-๔๓๕] 👉 สุญญตปฏิปทา
[๔๓๖-๔๓๙] 👉 สุทธิกอัปปณิหิตะ
[๔๔๕] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล
เจริญมรรคเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญสติปัฏฐานเป็นโลกุตระ ฯลฯ
เจริญสัมมัปปธานเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญอิทธิบาทเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญโพชฌงค์เป็นโลกุตตระ​ ฯลฯ
เจริญสัจจะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญสมถะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญธรรมเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญขันธ์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญอายตนะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญธาตุเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญอาหารเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญผัสสะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญเวทนาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสัญญาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญเจตนาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญจิตเป็นโลกุตตระ
A เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดสุญญตะ ฯลฯ
ชนิดอนิมิตตะ ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญ ฯลฯ B
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต ฯลฯ
มหานัย ๒๐ จบ.
---------------------
[๔๔๖] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
    เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
    เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ​ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด​ สุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ​ B
​ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต.
[๔๔๗] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล​ เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
     เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ​ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ​ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด​ อนิมิตตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต.
[๔๔๘] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
     เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ​ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด​ อัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
​ B สภาวธรรมเหล่านั้น ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต.
[๔๔๙] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน​ ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี​ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ​ ชนิดอนิมิตตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๐] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา​ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๑] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล​ เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด​ สุญญตะ
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ​ B
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๒] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล​ เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A  
ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
    สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด​ อนิมิตตะ
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๓] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล​ เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
 ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๔] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ
บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน​ ฯลฯ
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน ชนิดสุญญตะ
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดสุญญตะ​ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก​ ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๕] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ​ A
ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน
ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต.
[๔๕๖] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน
ชนิด​ อนิมิตตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๗] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯอยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน
ชนิด​ อัปปณิหิตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๘] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน​ ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา​ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล​ ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ​ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๕๙] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดสุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
ชนิดสุญญตะ
เป็น​สุขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน
ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี​ ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก​ ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๐] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล.
โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๑] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดอนิมิตตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๒] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๓] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ
บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน​ ฯลฯ
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ​ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ​ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๔] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๕] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด​ ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดอนิมิตตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๖] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา
เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน
ชนิด​สุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ B สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๗] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ
บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน​ ฯลฯ
บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปัญจมฌาน
ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา​ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา​ เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้​ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ​ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๘] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ A 
ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นสุขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา​ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ​ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ​ ชนิดอัปปณิหิตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
เป็นสุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๖๙] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล
เจริญมรรคเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญสติปัฏฐานเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสัมมัปปธานเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญอิทธิบาทเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญอินทรีย์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญพละเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญโพชฌงค์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญสัจจะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญสมถะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญธรรมเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญขันธ์เป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญอายตนะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญธาตุเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญอาหารเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญผัสสะเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญเวทนาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ เจริญสัญญาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญเจตนาเป็นโลกุตตระ ฯลฯ
เจริญจิตเป็นโลกุตตระ​
A  เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
ชนิดอนิมิตตะ ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ เป็นฉันทาธิบดี ฯลฯ เป็นวิริยาธิบดี ฯลฯ
เป็นจิตตาธิบดี ฯลฯ เป็นวิมังสาธิบดี B
สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. วิบากแห่งมรรคจิตดวงที่ ๑ จบ ------------------------
วิบากแห่งมรรคจิตดวงที่ ๒ ดวงที่ ๓ และดวงที่ ๔ [๔๗๐] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌาณเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อบรรลุภูมิที่ ๒
เพื่อความเบาบางแห่งกามราคะและพยาบาท ฯลฯ
เพื่อบรรลุภูมิที่ ๓
เพื่อละกามราคะและพยาบาทไม่ให้มีเหลือ ฯลฯ
เพื่อบรรลุภูมิที่ ๔ เพื่อละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา ไม่ให้มีเหลือ
สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อยู่ในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ
อัญญินทรีย์​ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ชนิดสุญญตะ เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ฯลฯ
อันเป็นวิบาก เพราะกุศลฌานเป็นโลกุตตระ อันได้ทำไว้แล้ว ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อัญญาตาวินทรีย์ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๗๑] ผัสสะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การกระทบ กิริยาที่กระทบ กิริยาที่ถูกต้อง
ความถูกต้อง ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า​ ผัสสะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ อัญญาตาวินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความรู้ทั่ว ความรู้ชัด กิริยาที่รู้ชัด
ซึ่งธรรมทั้งหลายที่รู้ทั่วถึงแล้วนั้นๆ
ความวิจัย​ ความเลือกสรร ความวิจัยธรรม
ความกำหนดหมาย ความเข้าไปกำหนด
ความเข้าไปกำหนดเฉพาะ ภาวะที่รู้ ภาวะที่ฉลาด
ภาวะที่รู้ละเอียด ความรู้แจ่มแจ้ง ความค้นคิด
ความใคร่ครวญ​ ปัญญาเหมือนแผ่นดิน
ปัญญาเครื่องทำลายกิเลส ปัญญาเครื่องนำทาง
ความเห็นแจ้ง ความรู้ชัด​ ปัญญาเหมือนปฏัก
ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ
ปัญญาเหมือนศาตรา ปัญญาเหมือนปราสาท
ความสว่างคือปัญญา แสงสว่างคือปัญญา
ปัญญาเหมือนประทีป ปัญญาเหมือนดวงแก้ว ความไม่หลง ความวิจัยธรรม สัมมาทิฏฐิ
ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ อันเป็นองค์แห่งมรรค
นับเนื่องในมรรค ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า อัญญาตาวินทรีย์ มีในสมัยนั้น ฯลฯ หรือ นามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. โลกุตตรวิบาก จบ --------------