สุทธิกอัปปณิหิตะ
[๔๓๖] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด อัปปณิหิตะ ฯลฯ
อันเป็นวิบาก เพราะกุศลฌานอันเป็นโลกุตตระ
อันทำไว้แล้ว ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๓๗] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด อนิมิตตะ ฯลฯ อันเป็นวิบาก
เพราะกุศลฌานเป็นโลกุตตระอันได้ทำไว้แล้ว
ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๓๘] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน
เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด สุญญตะ ฯลฯ อันเป็นวิบาก
เพราะกุศลฌานเป็นโลกุตตระ อันได้ทำไว้แล้ว
ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๓๙] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
ดังนี้วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ
อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. สุทธิกอัปปณิหิตะ จบ. -----------
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด อัปปณิหิตะ ฯลฯ
อันเป็นวิบาก เพราะกุศลฌานอันเป็นโลกุตตระ
อันทำไว้แล้ว ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๓๗] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด อนิมิตตะ ฯลฯ อันเป็นวิบาก
เพราะกุศลฌานเป็นโลกุตตระอันได้ทำไว้แล้ว
ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๓๘] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน
เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล. โยคาวจรบุคคล สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว
บรรลุปฐมฌาน ชนิด สุญญตะ ฯลฯ อันเป็นวิบาก
เพราะกุศลฌานเป็นโลกุตตระ อันได้ทำไว้แล้ว
ได้เจริญไว้แล้วนั้นแล อยู่ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๓๙] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ
อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น
บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌาน บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ
บรรลุปัญจมฌาน ชนิดอัปปณิหิตะ ฯลฯ อยู่ในสมัยใด
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
ดังนี้ วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดอนิมิตตะ
ดังนี้วิบาก ฯลฯ ชนิดอัปปณิหิตะ
ดังนี้ กุศล ฯลฯ ชนิดสุญญตะ
ดังนี้ วิบาก ผัสสะ ฯลฯ
อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. สุทธิกอัปปณิหิตะ จบ. -----------