มหาวิบาก ๘
[๔๑๕] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
มโนวิญญาณธาตุอันเป็นวิบาก
สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยญาณ
มีรูปเป็นอารมณ์ฯลฯ มีธรรมเป็นอารมณ์
หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น ฯลฯ
สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง ฯลฯ
สหรคตด้วยโสมนัส วิปปยุตจากญาณ ... เกิดขึ้น ฯลฯ สหรคตด้วยโสมนัส วิปปยุตจากญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง ฯลฯ
สหรคตด้วยอุเบกขา สัมปยุตด้วยญาณ ... เกิดขึ้น ฯลฯ
สหรคตด้วยอุเบกขา สัมปยุตด้วยญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง ฯลฯ
สหรคตด้วยอุเบกขา วิปปยุตจากญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง
เพราะกามาวจรกุศลกรรมอันได้ทำไว้แล้ว
ได้สั่งสมไว้แล้ว ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๑๖] อัพยากตมูล คือ อโลภะ ฯลฯ
อัพยากตมูล คือ อโทสะ ฯลฯ
อัพยากตมูลคือ อโมหะ ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. มหาวิบาก ๘ จบ -----------
สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยญาณ
มีรูปเป็นอารมณ์ฯลฯ มีธรรมเป็นอารมณ์
หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น ฯลฯ
สหรคตด้วยโสมนัส สัมปยุตด้วยญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง ฯลฯ
สหรคตด้วยโสมนัส วิปปยุตจากญาณ ... เกิดขึ้น ฯลฯ สหรคตด้วยโสมนัส วิปปยุตจากญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง ฯลฯ
สหรคตด้วยอุเบกขา สัมปยุตด้วยญาณ ... เกิดขึ้น ฯลฯ
สหรคตด้วยอุเบกขา สัมปยุตด้วยญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง ฯลฯ
สหรคตด้วยอุเบกขา วิปปยุตจากญาณ ... เกิดขึ้น
โดยมีการชักจูง
เพราะกามาวจรกุศลกรรมอันได้ทำไว้แล้ว
ได้สั่งสมไว้แล้ว ในสมัยใด
ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๑๖] อัพยากตมูล คือ อโลภะ ฯลฯ
อัพยากตมูล คือ อโทสะ ฯลฯ
อัพยากตมูลคือ อโมหะ ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. มหาวิบาก ๘ จบ -----------