มโนวิญญาณธาตุที่เป็นกุศลวิบาก
สหรคตด้วยอุเบกขา
[๓๙๙] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน?
มโนวิญญาณธาตุ อันเป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา
มีรูปเป็นอารมณ์ ฯลฯ มีธรรมเป็นอารมณ์
หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น
เพราะกามาวจรกุศลกรรมอันได้ทำไว้แล้ว
ได้สั่งสมไว้แล้ว ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
วิตก วิจาร อุเบกขา เอกัคคตา มนินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๐๐] ผัสสะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การกระทบ กิริยาที่กระทบ กิริยาที่ถูกต้อง
ความถูกต้อง ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า ผัสสะ มีในสมัยนั้น. [๔๐๑] เวทนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่ ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนวิญญาณธาตุที่สมกัน
ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า เวทนา มีในสมัยนั้น. [๔๐๒] สัญญา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การจำ กิริยาที่จำ ความจำ
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนวิญญาณธาตุที่สมกัน
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า สัญญา มีในสมัยนั้น. [๔๐๓] เจตนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การคิด กิริยาที่คิด ความคิด
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนวิญญาณธาตุที่สมกัน
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า เจตนา มีในสมัยนั้น. [๔๐๔] จิต มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ
มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า จิต มีในสมัยนั้น.
[๔๐๕] วิตก มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ความดำริ
ความที่จิตแนบอยู่ในอารมณ์
ความที่จิตแนบสนิทอยู่ในอารมณ์
ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า วิตก มีในสมัยนั้น. [๔๐๖] วิจาร มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตรอง ความพิจารณา ความตามพิจารณา
ความเข้าไปพิจารณา ความที่จิตสืบต่ออารมณ์
ความที่จิตเพ่งอารมณ์ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า วิจาร มีในสมัยนั้น. [๔๐๗] อุเบกขา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่ ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่ ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า อุเบกขา มีในสมัยนั้น. [๔๐๘] เอกัคคตา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตั้งอยู่แห่งจิต ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า เอกัคคตา มีในสมัยนั้น.
[๔๐๙] มนินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ
อินทรีย์คือมโน วิญญาณ วิญญาณขันธ์
มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า มนินทรีย์ มีในสมัยนั้น. [๔๑๐] อุเปกขินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่ ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่ ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า อุเปกขินทรีย์ มีในสมัยนั้น.
[๔๑๑] ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไปอยู่ กิริยาที่เป็นไปอยู่ อาการที่สืบเนื่องกันอยู่ ความประพฤติเป็นไปอยู่
ความหล่อเลี้ยงอยู่ ชีวิต
อินทรีย์คือชีวิต ของนามธรรมนั้นๆ ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น. [๔๑๒] หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๑๓] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุ ๑ ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑
มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้น แม้อื่นใด มีในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. ฯลฯ [๔๑๔] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ผัสสะ เจตนา วิตก วิจาร เอกัคคตา
ชีวิตินทรีย์ หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ มีอยู่ในสมัยนั้น
นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. มโนวิญญาณธาตุที่เป็นกุศลวิบากสหรคตด้วยอุเบกขา จบ ---------------------
มีรูปเป็นอารมณ์ ฯลฯ มีธรรมเป็นอารมณ์
หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น
เพราะกามาวจรกุศลกรรมอันได้ทำไว้แล้ว
ได้สั่งสมไว้แล้ว ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
วิตก วิจาร อุเบกขา เอกัคคตา มนินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๐๐] ผัสสะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การกระทบ กิริยาที่กระทบ กิริยาที่ถูกต้อง
ความถูกต้อง ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า ผัสสะ มีในสมัยนั้น. [๔๐๑] เวทนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่ ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนวิญญาณธาตุที่สมกัน
ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า เวทนา มีในสมัยนั้น. [๔๐๒] สัญญา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
การจำ กิริยาที่จำ ความจำ
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนวิญญาณธาตุที่สมกัน
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า สัญญา มีในสมัยนั้น. [๔๐๓] เจตนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การคิด กิริยาที่คิด ความคิด
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนวิญญาณธาตุที่สมกัน
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า เจตนา มีในสมัยนั้น. [๔๐๔] จิต มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ
มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า จิต มีในสมัยนั้น.
[๔๐๕] วิตก มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ความดำริ
ความที่จิตแนบอยู่ในอารมณ์
ความที่จิตแนบสนิทอยู่ในอารมณ์
ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า วิตก มีในสมัยนั้น. [๔๐๖] วิจาร มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตรอง ความพิจารณา ความตามพิจารณา
ความเข้าไปพิจารณา ความที่จิตสืบต่ออารมณ์
ความที่จิตเพ่งอารมณ์ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า วิจาร มีในสมัยนั้น. [๔๐๗] อุเบกขา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่ ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่ ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า อุเบกขา มีในสมัยนั้น. [๔๐๘] เอกัคคตา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตั้งอยู่แห่งจิต ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า เอกัคคตา มีในสมัยนั้น.
[๔๐๙] มนินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ
อินทรีย์คือมโน วิญญาณ วิญญาณขันธ์
มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า มนินทรีย์ มีในสมัยนั้น. [๔๑๐] อุเปกขินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่ ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่ ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า อุเปกขินทรีย์ มีในสมัยนั้น.
[๔๑๑] ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไปอยู่ กิริยาที่เป็นไปอยู่ อาการที่สืบเนื่องกันอยู่ ความประพฤติเป็นไปอยู่
ความหล่อเลี้ยงอยู่ ชีวิต
อินทรีย์คือชีวิต ของนามธรรมนั้นๆ ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น. [๔๑๒] หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๔๑๓] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุ ๑ ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑
มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้น แม้อื่นใด มีในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. ฯลฯ [๔๑๔] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ผัสสะ เจตนา วิตก วิจาร เอกัคคตา
ชีวิตินทรีย์ หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ มีอยู่ในสมัยนั้น
นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์มีในสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. มโนวิญญาณธาตุที่เป็นกุศลวิบากสหรคตด้วยอุเบกขา จบ ---------------------