Skip to main content

มโนธาตุ เป็นกุศลวิบาก

มโนธาตุ เป็นกุศลวิบาก [๓๖๖] ธรรมเป็นอัพยากฤต เป็นไฉน? มโนธาตุ อันเป็นวิบาก สหรคตด้วยอุเบกขา
มีรูปเป็นอารมณ์ ฯลฯ มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์
หรือปรารภอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น
เพราะกามาวจรกุศลกรรมอันได้ทำไว้แล้ว
ได้สั่งสมไว้แล้ว ในสมัยใด
ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต
วิตก วิจาร อุเบกขา เอกัคคตา มนินทรีย์ อุเปกขินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด​ มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๓๖๗] ผัสสะ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การกระทบ กิริยาที่กระทบ
กิริยาที่ถูกต้อง ความถูกต้อง
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า​ ผัสสะ มีในสมัยนั้น. [๓๖๘] เวทนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่
ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนธาตุที่สมกัน
ความเสวยอารมณ์ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า เวทนา มีในสมัยนั้น. [๓๖๙] สัญญา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การจำ กิริยาที่จำ ความจำ
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนธาตุที่สมกัน
ในสมัยนั้น อันใดนี้ชื่อว่า สัญญา มีในสมัยนั้น.
[๓๗๐] เจตนา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? การคิด กิริยาที่คิด ความคิด
อันเกิดแต่สัมผัสแห่งมโนธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด ชื่อว่า เจตนา มีในสมัยนั้น. [๓๗๑] จิต มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ
มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์​ มโนธาตุที่สมกัน
ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า จิต มีในสมัยนั้น.
[๓๗๒] วิตก มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ความดำริ
ความที่จิตแนบอยู่ในอารมณ์
ความที่จิตแนบสนิทอยู่ในอารมณ์
ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า วิตก มีในสมัยนั้น. [๓๗๓] วิจาร มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตรอง ความพิจารณา ความตามพิจารณา
ความเข้าไปพิจารณา ความที่จิตสืบต่ออารมณ์
ความที่จิตเพ่งอารมณ์ ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า วิจาร มีในสมัยนั้น. [๓๗๔] อุเบกขา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่
ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่
ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า อุเบกขา มีในสมัยนั้น. [๓๗๕] เอกัคคตา มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความตั้งอยู่แห่งจิต ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า เอกัคคตา มีในสมัยนั้น.
[๓๗๖] มนินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ
อินทรีย์คือมโน วิญญาณ​ วิญญาณขันธ์
มโนธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด
นี้ชื่อว่า มนินทรีย์ มีในสมัยนั้น. [๓๗๗] อุเปกขินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ความสบายทางใจก็ไม่ใช่
ความไม่สบายทางใจก็ไม่ใช่
ความเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส
กิริยาเสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข
อันเกิดแต่เจโตสัมผัส ในสมัยนั้น​ อันใด
นี้ชื่อว่า อุเปกขินทรีย์ มีในสมัยนั้น. [๓๗๘] ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไปอยู่
กิริยาที่เป็นไปอยู่ อาการที่สืบเนื่องกันอยู่
ความประพฤติเป็นไปอยู่ ความหล่อเลี้ยงอยู่
ชีวิต อินทรีย์คือชีวิต ของนามธรรมนั้นๆ ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า ชีวิตินทรีย์ มีในสมัยนั้น.
[๓๗๙] หรือนามธรรม
ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. [๓๘๐] ก็ขันธ์ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒
อาหาร ๓ อินทรีย์ ๓ ผัสสะ ๑ ฯลฯ มโนธาตุ ๑ ธัมมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑
มีในสมัยนั้น หรือนามธรรม
ที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด​ มีอยู่ในสมัยนั้น สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต ฯลฯ [๓๘๑] สังขารขันธ์ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน? ผัสสะ เจตนา วิตก วิจาร เอกัคคตา ชีวิตินทรีย์
หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด
เว้นเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์
มีอยู่ในสมัยนั้น
นี้ชื่อว่า สังขารขันธ์​ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
สภาวธรรมเหล่านี้ ชื่อว่า ธรรมเป็นอัพยากฤต. มโนธาตุที่เป็นกุศลวิบาก จบ